บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)
upload_file/banner/giftcard_condition-top.png

ข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการ บัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด

เงื่อนไขการให้บริการ บัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริการ” เป็นบริการบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้การบริหารจัดการบัตรกิ๊ฟการ์ด โดย บริษัท ซี เพย์เมนท์ โซลูชั่น จำกัด (“CPS”) ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบขึ้นทะเบียนการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้การกำกับตามพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560 จากธนาคารแห่งประเทศไทย ในรูปแบบตัวแทนการให้บริการของบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งต่อไปนี้ จะเรียกว่า “บริษัท” เพื่อใช้ชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือค่าอื่นใดแทนการชำระด้วยเงินสด เพื่อเพิ่มความสะดวก และทันสมัย ให้กับลูกค้า ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ผู้ใช้บริการ” โดยเงื่อนไขการให้บริการนี้ เป็นข้อตกลงระหว่าง บริษัท ฝ่ายหนึ่ง กับ ผู้ใช้บริการ อีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการควรอ่านและทำความเข้าใจเงื่อนไขการให้บริการ บัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ บิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด อย่างละเอียด เนื่องจากเงื่อนไขการให้บริการนี้อาจมีลักษณะกระทบ กับสิทธิของผู้ใช้บริการ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบริการของบริษัท ผู้ใช้บริการสามารถติดต่อสอบถามได้ทางบิ๊กซี Call center 1756

1.1  ผู้ใช้บริการตกลงที่จะปฏิบัติและผูกพันตามเงื่อนไขการให้บริการ ซึ่งการที่ผู้ใช้บริการได้ใช้บริการบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด ถือเป็นการยอมรับเงื่อนไขการให้บริการนี้ ทั้งนี้ผู้ใช้บริการรับทราบว่าบริษัทอาจแก้ไขหรือเพิ่มเติมเงื่อนไขการให้บริการได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า และการที่ผู้ใช้บริการใช้บริการ บัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด ต่อไปภายหลังจากที่มีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมดังกล่าวถือว่าผู้ใช้บริการได้ยอมรับการแก้ไขหรือเพิ่มเติมเงื่อนไขการให้บริการนั้น
1.2  ลักษณะการให้บริการ คุณลักษณะใหม่ที่บริษัทได้ทำการเพิ่มเติม ปรับปรุง หรือแก้ไขการให้บริการ ให้ถือว่าอยู่ภายใต้เงื่อนไขการให้บริการฉบับนี้ทั้งสิ้นเว้นแต่จะได้มีการแจ้งหรือกําหนดไว้เป็นอย่างอื่น
1.3  ผู้ใช้บริการตกลงให้บริษัทมีสิทธิปรับปรุงหรือยกเลิกการให้บริการหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของบริการไม่ว่าจะเป็นการชั่วคราวหรือตลอดไปได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า

คำที่ปรากฏในข้อตกลงและเงื่อนไขฉบับนี้ หากมิได้แสดงความหมายเป็นอย่างอื่นให้มีความหมายดังต่อไปนี้ 
2.1 “บริษัท” หมายถึง บริษัทบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) 
2.2 “ผู้ใช้บริการ” หมายถึง ลูกค้าผู้ซึ่งได้ตกลงใช้บริการบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ บิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด และได้ลงทะเบียนใช้บริการบัตรตามที่บริษัทกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว
2.3 “บัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด” หมายถึง บัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่บริษัทออกให้แก่ผู้ใช้บริการ โดยผู้ใช้บริการมีการชำระเงินให้แก่บริษัทไว้ล่วงหน้าและบริษัทได้มีการบันทึกมูลค่าเงินในบัตร เพื่อให้ผู้ใช้บริการนำไปชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการแทนการชำระด้วยเงินสด
2.4 “สินค้าหรือบริการ” หมายถึง สินค้าหรือบริการที่จำหน่ายหรือให้บริการอยู่ในห้างบิ๊กซี มินิบิ๊กซี และร้านขายยาเพรียวทุกสาขา โดยเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนดไว้ ทั้งนี้ไม่รวมร้านค้าอื่นๆที่อยู่ในบริเวณห้างบิ๊กซี

บัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด  คือบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ใช้บริการมีการชำระเงินแก่บริษัทไว้ล่วงหน้าเพื่อเติมเงินเข้าบัตร บริษัทจึงได้จัดให้มีการลงทะเบียนแสดงความเป็นเจ้าของบัตร โดยผู้ซื้อบัตรหรือผู้ใช้บริการต้องให้ข้อมูลการแสดงตนที่บริษัทสามารถตรวจสอบและระบุตัวตนได้ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและกฎหมายป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง และเป็นประโยชน์แก่ผู้ซื้อบัตรหรือผู้ใช้บริการ ในการป้องกันผู้ไม่หวังดีใช้ประโยชน์จากบัตรกรณีบัตรสูญหายหรือเปลี่ยนเจ้าของบัตร
3.1 ผู้ใช้บริการที่ซื้อบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ดจะต้องทำการลงทะเบียนเจ้าของบัตรเพื่อเปิดใช้งานบัตรครั้งแรก โดยต้องให้ข้อมูลแก่บริษัทเพื่อแสดงตน และใช้ในการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า ณ จุดบริการลูกค้าที่จำหน่ายบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด หากผู้ใช้บริการไม่ดำเนินการลงทะเบียนเจ้าของบัตร ผู้ใช้บริการยินยอมให้บริษัทระงับการซื้อ/การใช้บริการ หรืองดเว้นการทำธุรกรรมของผู้ใช้บริการชั่วคราว หรือดำเนินการอื่นใดจนกว่าผู้ใช้บริการจะลงทะเบียนเจ้าของบัตร และ/หรือแสดงหลักฐานข้อมูลที่ครบถ้วนตามที่บริษัทกำหนด ซึ่งผู้ใช้บริการต้องให้ข้อมูล และเอกสารตามที่กำหนดไว้ดังนี้ 
           3.1.1    ชื่อ-นามสกุล
           3.1.2    วัน เดือน ปีเกิด
           3.1.3    หมายเลขประจำตัวประชาชนจากบัตรประจำตัวประชาชนที่รัฐบาลไทยเป็นผู้ออกให้
           3.1.4    หมายเลขเลเซอร์ไอดีด้านหลังบัตรประจำตัวประชาชน
           3.1.5    ที่อยู่
           3.1.6    อาชีพ
           3.1.7    สถานที่ทำงาน
           3.1.8    อีเมลล์
           3.1.9    หมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้
           3.1.10    ลายมือชื่อ
           3.1.11    รูปภาพที่แสดงบนหน้าบัตรประจำตัวประชาชน
           และข้อมูลอื่นๆ ตามที่บริษัทกำหนดหรือที่จะกำหนดขึ้นต่อไปในภายหน้า

3.2 หากผู้ซื้อบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด ซื้อเพื่อมอบให้แก่บุคคลอื่น ผู้ซื้อบัตรจะต้องแจ้งผู้รับมอบบัตรไปทำการลงทะเบียนเพื่อโอนสิทธิ์เปลี่ยนความเป็นเจ้าของบัตร โดยเมื่อลงทะเบียนสำเร็จแล้วบริษัทจะถือว่าผู้รับมอบเป็นเจ้าของบัตร แต่หากผู้รับมอบไม่ลงทะเบียน บริษัทจะถือว่าสิทธ์ความเป็นเจ้าของบัตรยังคงอยู่กับผู้ซื้อบัตรในทุกกรณี
3.3 สำหรับผู้ใช้บริการที่ได้รับบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ดจากผู้อื่นสามารถลงทะเบียนแสดงความเป็นเจ้าของบัตรได้ โดยการนำบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ดไปเติมเงินครั้งแรกที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ บิ๊กซี มินิบิ๊กซี และร้านขายยยาเพรียวทุกสาขา โดยผู้ใช้บริการต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนและให้ข้อมูลการแสดงตนตามที่บริษัทกำหนด
3.4 ผู้ใช้บริการต้องเก็บรักษาบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด และข้อมูลทั้งหมดของบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด ไว้เป็นความลับ ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการยอมรับว่าหากมีการทำรายการใดๆ ด้วยบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ดของผู้ใช้บริการ ให้ถือว่าเป็นการกระทำโดยผู้ใช้บริการเองทุกประการ โดยบริษัทไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้บัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด ดังกล่าว
3.5 ในกรณีที่ผู้ใช้บริการใช้บัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด ทำรายการใดๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการใช้บริการเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้ใช้บริการยอมรับว่าไม่สามารถยกเลิก เพิกถอน เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขรายการดังกล่าวได้ และผู้ใช้บริการต้องมีภาระผูกพันตามรายการดังกล่าวทุกประการ 
3.6 ผู้ใช้บริการสามารถใช้บัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด สำหรับการใช้บริการชำระเงินค่าสินค้า ค่าบริการ และ/หรือธุรกรรมใดๆ ที่บริษัทกำหนดไว้ หรืออาจจะขยายขอบเขตการให้บริการต่อไปในภายหน้า ได้ที่ห้างบิ๊กซี มินิบิ๊กซี และร้านขายยาเพรียวทุกสาขา ตามมูลค่าในบัตร
3.7 บัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ดไม่สามารถใช้ชำระค่าสินค้าประเภท บัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด บัตรกำนัลบิ๊กซี บัตรโทรศัพท์ บัตรเติมเงินทุกประเภท การชำระบิล สินค้าในกลุ่มสุรา ยาสูบ ศูนย์อาหาร และร้านค้าในบริเวณพื้นที่เช่าของบิ๊กซีทุกสาขา บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยกเว้นการซื้อสินค้าใดๆโดยบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ดนี้นอกเหนือจากที่ระบุข้างต้น โดยจะมีการติดประกาศยกเว้นที่จุดบริการลูกค้า บิ๊กซีทุกสาขา
3.8 ผู้ใช้บริการตกลงยินยอมชำระค่าธรรมเนียมการใช้บริการตามอัตราที่บริษัทกำหนด โดยผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ บิ๊กซี (www.bigc.co.th/bigcgiftcard) ทั้งนี้บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใดๆ โดยจะแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า 
3.9 ผู้ใช้บริการรับทราบว่าบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ดเป็นบัตรที่บริษัทให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการ ดังนั้น หากมีปัญหาเกิดขึ้นกับสินค้าหรือบริการ หรือมีความชำรุดบกพร่องของสินค้า หรือบริการ หรือเกิดข้อพิพาทใดๆ ผู้ใช้บริการต้องดำเนินการติดต่อกับผู้ขาย และ/หรือผู้ให้บริการของสินค้า และ/หรือบริการเหล่านั้นด้วยตนเอง อนึ่ง ในการให้บริการชำระค่าสินค้า และ/หรือค่าบริการ บริษัทไม่มีส่วนรู้เห็นในสัญญา ข้อกำหนด หรือสิทธิและหน้าที่ต่างๆซึ่งผู้ใช้บริการและผู้ขาย และ/หรือผู้ให้บริการมีต่อกัน ดังนั้นหากมีข้อพิพาทอันเนื่องมาจากการให้บริการรับชำระค่าสินค้า และ/หรือบริการที่เกิดขึ้น ผู้ใช้บริการจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และ/หรือดำเนินการแก้ไขข้อพิพาทด้วยตนเอง โดบบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
3.10 บริษัทสงวนสิทธิ์ในการปฎิเสธการทำรายการชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการ ดังต่อไปนี้ 
           3.10.1 การทำรายการชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการในนามนิติบุคคล
           3.10.2 การทำรายการชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการซึ่งขัดต่อกฏหมายหรือขัดต่อศีลธรรมอันดี          
           3.10.3 การทำรายการชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการเกินจำนวนรายการที่บริษัทกำหนด 
           3.10.4 การใช้บริการที่บริษัทพิจารณาว่ามีลักษณะผิดปกติ หรือเข้าข่ายผิดกฏหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและกฎหมายป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงและ/หรือกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง 
3.11 บริษัทจะให้บริการอย่างดีที่สุดเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความพึงพอใจ ดังนั้น หากการให้บริการใดๆของบริษัทเกิดความผิดพลาด ล่าช้า ไม่ว่าเกิดขึ้นจากระบบคอมพิวเตอร์ ระบบอินเตอร์เน็ต ระบบเครือข่าย หรือระบบอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการนี้ รวมทั้งบัตร และเครื่องอ่านแถบแม่เหล็ก และไม่ว่าจะเกิดจากเหตุใดๆ ผู้ใช้บริการตกลงไม่ยกเอาเหตุขัดข้องดังกล่าวมาเป็นข้อเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ หรือค่าใช้จ่ายจากบริษัท
3.12 บริษัทจะไม่รับผิดชอบในทุกกรณีต่อความสูญหาย และ/หรือความเสียหาย ไม่ว่าจะทางตรง หรือทางอ้อม อันเป็นผลมาจากการใช้บริการนี้
3.13 บริษัทจะคิดค่าธรรมเนียมการรักษาบัญชีสูงสุดไม่เกิน 20 บาทต่อเดือน โดยจะหักจากยอดเงินคงเหลือในบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด กรณีบัตรของผู้ใช้บริการไม่มีการเคลื่อนไหวมากกว่า 2 ปีขึ้นไป นับจากวันที่เปิดใช้บัตรหรือมีการใช้บัตรครั้งล่าสุด รวมทั้งสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการใดๆ ตามที่บริษัทเห็นสมควร หรือระงับ หรือยกเลิกการให้บริการตามที่บริษัทกำหนดไว้ในเงื่อนไขการให้บริการนี้
3.14 กรณีที่บริษัทตรวจพบว่าบัตรของผู้ใช้บริการมีการทำธุรกรรมที่มีลักษณะผิดปกติ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการระงับการใช้บริการของผู้ใช้บริการชั่วคราว เพื่อตรวจสอบการทำรายการของผู้ใช้บริการ และเมื่อตรวจสอบพบว่าผู้ใช้บริการนำบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด ไปใช้ในลักษณะตัวแทนรับชำระเงิน หรือใช้บริการ หรือประกอบธุรกิจในรูปแบบต่างๆที่บริษัทเห็นว่าผิดปกติ ไม่ใช่การดำเนินการในรูปแบบบุคคลธรรมดา บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการระงับ และ/หรือยกเลิกการใช้บริการของผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการตกลงยินยอมให้บริษัทไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น 
3.15 ผู้ใช้บริการตกลงที่จะให้ความร่วมมือกับบริษัทในการปฏิบัติตามกฏหมายทั้งกฏหมายที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน และ/หรือกฏหมายที่จะมีขึ้นในอนาคต 
3.16 ผู้ใช้บริการตกลงให้บริษัทมีสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์การพิจารณาอนุมัติการใช้บริการบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งเหตุผลให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า
3.17 บริษัทไม่รับผิดชอบในการสูญหายที่เกิดขึ้นกับมูลค่าเงินที่อยู่ในบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด ของผู้ใช้บริการ อันเนื่องจากบัตรของผู้ใช้บริการสูญหาย ถูกขโมย ถูกหลอกหลวง หรือจากเหตุใดๆ ก็ตามที่เกิดจากจงใจหรือความประมาท เลินเล่อ หรือเหตุอื่นใดที่ไม่ได้เกิดจากบริษัท
3.18 ผู้ใช้บริการสามารถสอบถามข้อมูลบริการบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด และ/หรือแจ้งปัญหาการใช้บริการบัตร/ร้องเรียนได้ที่ทางบิ๊กซี Call center 1756 เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 22.00 น. 

 

4.1 ผู้ใช้บริการสามารถเติมมูลค่าเงินเข้าบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ดได้ตามจำนวนที่บริษัทกำหนดได้แก่ 100, 200, 300, 500, 1,000, 2,000 และ 5,000 บาท ได้ที่จุดชำระเงินของบิ๊กซี มินิบิ๊กซี และร้านขายยาเพรียวทุกสาขา 
4.2 วงเงินในบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ดสูงสุดไม่เกิน 30,000  บาทต่อบัตร
4.3 ผู้ใช้บริการต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงพร้อมบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด ในการเติมเงินทุกครั้ง
4.4 ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบความถูกต้อง มูลค่าเงินคงเหลือในบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ดได้จากใบเสร็จรับเงิน และจุดบริการลูกค้า บิ๊กซีทุกสาขา และไม่สามารถยกเลิกรายการเติมเงินได้ทุกกรณี
4.5 มูลค่าคงเหลือในบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ดไม่สามารถแลกเปลี่ยนหรือทอนเป็นเงินสดได้
4.6 การเติมเงินเข้าบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด ไม่สามารถร่วมรับคะแนนบิ๊กการ์ดได้

บัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด มีอายุ 5 ปี นับจากวันที่เปิดใช้บัตร (ยกเว้นบัตรที่มีการเปิดใช้ก่อนวันที่ 2 พ.ค. 2564 บัตรจะมีอายุ 3 ปี) ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบวันหมดอายุบัตรได้ที่ใบเสร็จรับเงิน หรือสอบถามได้ที่จุดบริการลูกค้า บิ๊กซีทุกสาขา หรือบิ๊กซี Call center 1756 

บัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ดไม่สามารถโอนข้อมูล และมูลค่าเงินระหว่างบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ดได้ ยกเว้นเป็นกรณีที่บัตรของผู้ใช้บริการหมดอายุ และ/หรือชำรุด จากคุณภาพของบัตร เช่น แถบแม่เหล็กไม่สามารถใช้งานได้ โดยบัตรที่รับโอนนั้นต้องเป็นบัตรของเจ้าของเดียวกันกับบัตรที่ต้องทำการโอนข้อมูล และมูลค่าเงิน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท

ผู้ใช้บริการสามารถแจ้งระงับการใช้งานบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด ได้ที่จุดบริการลูกค้า บิ๊กซีทุกสาขา หรือบิ๊กซี Call center 1756 โดยผู้ใช้บริการต้องสามารถยืนยันข้อมูลแสดงความเป็นเจ้าของบัตรได้ตรงกับข้อมูลที่ทำการลงทะเบียนเจ้าของบัตรไว้ในระบบ หรือพิสูจน์ได้ว่าเป็นผู้เติมเงิน/ผู้ใช้งานบัตรครั้งล่าสุด เพื่อป้องกันมิให้ผู้อื่น/ผู้ไม่ประสงค์ดี นำบัตรไปใช้งานต่อ ทั้งนี้ วิธีการขั้นตอนเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

8.1 หากผู้ใช้บริการขอยกเลิกการใช้งานบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด ผู้ใช้บริการไม่สามารถขอรับเงินคงเหลือในบัตรบิ๊กซีกิ๊ฟการ์ดคืน หรือไม่สามารถโอนเงินคงเหลือในบัตรให้แก่บุคคลอื่นได้ทุกกรณี 
8.2 บริษัทขอสงวนสิทธิ์ยกเลิกการให้บริการชั่วคราวหรือถาวร หรือระงับการให้บริการโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า ในกรณีดังต่อไปนี้
      8.2.1 ผู้ใช้บริการใช้เอกสารหลักฐาน หรือแสดงข้อความอันเป็นเท็จในการลงทะเบียนเจ้าของบัตร รวมถึงการแจ้งข้อมูล หรือแสดงเอกสารหลักฐานไม่ครบถ้วนตามที่บริษัทร้องขอ จนกว่าบริษัทจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน
      8.2.2 ผู้ใช้บริการเป็นบุคคลที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐมีคำสั่งให้ยึดหรืออายัด ทรัพย์สิน หรือเป็นบุคคลที่ถูกกำหนดหรือถูกกล่าวหาหรือถูกสงสัยว่าเป็นผู้กระทำความผิดตามกฏหมาย 
      8.2.3 บริษัทมีเหตุสงสัยว่าผู้ใช้บริการกระทำความผิด หรือพยายามกระทำความผิดตามที่กฏหมายกำหนด หรือกระทำการใดๆที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท หรือบุคคลอื่นใด

9.1 ผู้ใช้บริการรับรองว่าเป็นผู้ใช้บริการบัตร และประสงค์จะเปิดใช้บัตร เพื่อใช้เป็นช่องทางในการชำระค่าสินค้า และ/หรือบริการต่างๆ ณ ร้านค้าที่รับบัตร บิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด และยินยอมให้บริษัทหักเงินจากบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด เพื่อชำระหนี้ค่าสินค้า และ/หรือบริการ ค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมทั้งหนี้อื่นใดที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากการใช้บริการดังกล่าว
9.2 ผู้ใช้บริการตกลงเก็บรักษาใบยืนยันการทำรายการ (Sales Slip) ไว้เป็นหลักฐาน ทุกครั้งที่มีการใช้งานบัตรในการชำระค่าสินค้า และ/หรือบริการ (ถ้ามี)  เพื่อยืนยันตัวตนความเป็นเจ้าของบัตรในกรณีการขอคืนสินค้าเมื่อใช้จ่ายด้วยบัตรบิ๊กซี กิ๊ฟการ์ด เป็นต้น
9.3 ผู้ใช้บริการรับทราบว่าบริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อกรณีบัตรชำรุด จากความประมาทเลินเล่อของผู้ใช้บริการเช่น บัตรบิดงอ, หัก ทำให้บัตรไม่สามารถใช้งานได้ในทุกกรณี
9.4 ผู้ใช้บริการรับทราบว่าบริษัทมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการเปิดใช้งานบัตร ระงับ หรือยกเลิกการใช้งานบัตรได้ตามที่เห็นสมควร โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งเหตุผลให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า

บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไขเพิ่มเติม เงื่อนไขการใช้บัตรข้อหนึ่งข้อใดหรือทั้งหมดได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ยกเว้นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ผู้ใช้บริการเสียประโยชน์ บริษัทจะแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรได้ที่เว็บไซต์ บิ๊กซี (www.bigc.co.th/bigcgiftcard) ไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนการเปลี่ยนแปลง 

บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และเก็บรักษาข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการและปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของการให้บริการผลิตภัณฑ์ Big C Gift Card (“การให้บริการ”) ตามรายละเอียดที่ปรากฏในข้อ 1 ด้านล่าง และเนื่องจากข้อมูลดังกล่าวของท่าน มีลักษณะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“พ.ร.บ.”) เพื่อให้การดำเนินการที่เกี่ยวกับข้อมูลเหล่านี้เป็นไปตามข้อกำหนดของ พ.ร.บ. บริษัทจึงจัดทำเอกสารฉบับนี้ขึ้น เพื่อให้ท่านได้รับทราบและเข้าใจสิทธิของท่านตามกฎหมาย รวมทั้งเหตุผลที่บริษัทประสงค์จะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดอ่านโดยละเอียดและทำความเข้าใจเพื่อประโยชน์ในการใช้สิทธิใดๆ ของท่าน
1. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล ระยะเวลาในการเก็บรักษา และวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยบริษัท
     เพื่อให้ท่านได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดจากการให้บริการ และเพื่อให้บริษัทสามารถให้บริการแก่ท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ บริษัทประสงค์จะเก็บรวบรวม ใช้ และเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
     1.1 ประเภทของบุคคล
           ผู้ใช้บริการ/ลูกค้า
            • ข้อมูลที่เก็บรวบรวม
               ชื่อ-สกุล, เลขที่บัตรประชาชน, ที่อยู่, เบอร์ติดต่อ, อาชีพ, สถานที่ทำงาน, วันเดือนปีเกิด, อีเมล์, ลายมือชื่อ, รูปถ่ายบัตรประชาชน, ข้อมูลการติดต่อระหว่างผู้ใช้บริการและบริษัทที่อยู่ในรูปแบบ ข้อความภาพ หรือไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (ภาพ และ/หรือเสียง หรือการแสดงผลประเภทอื่นใด), ข้อมูลการทำรายการ, ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานทางแอพพลิเคชั่น, และข้อมูลที่ถูกบันทึกโดยคุกกี้ (Cookies) ตามที่จำเป็น
            • วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
               1. เพื่อการติดต่อและให้บริการกับลูกค้า ซึ่งรวมถึงการแจ้งสิทธิประโยชน์ต่างๆ
               2. ใช้ในการระบุตัวตนและยืนยันการให้สิทธิประโยชน์ และ/หรือการขอใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ของลูกค้า

               3. เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล  และศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า  รวมทั้งการติดต่อสอบถามความเห็นของลูกค้า  เกี่ยวกับการบริการ   และผลิตภัณฑ์ของบริษัท   เพื่อการวิจัยการทำการตลาด  กิจกรรมส่งเสริมการขาย การพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพสินค้าและการให้บริการของบริษัท
               4. การใช้สิทธิทางกฎหมายและการปฏิบัติการที่จำเป็นตามกฎหมายอันเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ
               5. เพื่อการดูแลให้เกิดความปลอดภัยในการใช้บริการ และเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการทุจริตและอาชญากรรม หรือการใช้บริการในทางมิชอบ
            • ฐานความชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคล
               เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัท, เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา และจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท
            • ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล
               10 ปี นับจากวันที่สิ้นสุดการใช้บริการ
2. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเปิดเผย เหตุผลความจำเป็นในการเปิดเผย และประเภทของบุคคลที่จะได้รับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
     เพื่อให้ท่านได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดจากการให้บริการ และเพื่อให้บริษัทสามารถให้บริการแก่ท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ บริษัทอาจดำเนินการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
     2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเปิดเผย
           ชื่อ-สกุล, เลขที่บัตรประชาชน, ที่อยู่, เบอร์ติดต่อ, อาชีพ, สถานที่ทำงาน, วันเดือนปีเกิด, อีเมล์, ลายมือชื่อ และรูปถ่ายบัตรประชาชน
            • เหตุผลความจำเป็นในการเปิดเผย
               1. เพื่อตรวจสอบและระบุตัวตนของผู้ใช้บริการและให้บริการแก่ลูกค้า
               2. เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการตรวจสอบของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง และการปฏิบัติตามกฎหมายอื่นของบริษัท
               3. เพื่อการดูแลให้เกิดความปลอดภัยในการใช้บริการ และเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการทุจริตและอาชญากรรม หรือการใช้บริการในทางมิชอบ
            • ฐานความชอบด้วยกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคล
               เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัท, เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาและจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท
            • ประเภทของบุคคลที่จะได้รับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
               สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน, กรมสรรพากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
     2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเปิดเผย
           ชื่อ-สกุล, เลขที่บัตรประชาชน, วันเดือนปีเกิด, และข้อมูลการทำรายการ
            • เหตุผลความจำเป็นในการเปิดเผย
               เพื่อการให้บริการ Gift Card กับลูกค้า
            • ฐานความชอบด้วยกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคล
               จำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท และเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา
            • ประเภทของบุคคลที่จะได้รับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
                ผู้ให้บริการระบบ Gift Card, CPS
     2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเปิดเผย
            ชื่อ-สกุล, เบอร์โทรศัพท์, ที่อยู่, เลขที่บัตรประชาชน, ข้อมูลการทำรายการ, และบันทึกการสนทนา
            • เหตุผลความจำเป็นในการเปิดเผย
               เพื่อการติดต่อและให้บริการ กับลูกค้า ผ่านทางระบบ Call Center
            • ฐานความชอบด้วยกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคล
               จำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท และเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา
            • ประเภทของบุคคลที่จะได้รับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
               บริษัทผู้ให้บริการระบบ Call Center
     2.4 ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเปิดเผย
           ชื่อ-สกุล, เบอร์ติดต่อ และข้อมูลการทำรายการ
            • เหตุผลความจำเป็นในการเปิดเผย
               1. เพื่อการติดต่อและให้บริการกับลูกค้า รวมถึงตรวจสอบและระบุตัวตนของผู้ใช้บริการ
               2. เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การทำการตลาด และจับรางวัล รวมถึงติดต่อลูกค้าเพื่อแจ้งสิทธิประโยชน์ และมอบรางวัล / สิทธิประโยชน์ต่างๆ
            • ฐานความชอบด้วยกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคล
               จำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท
            • ประเภทของบุคคลที่จะได้รับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
               บริษัทประมวลผลข้อมูล, บริษัทผู้ให้บริการด้านการตลาด และผู้ให้บริการสื่อ หรือช่องทางการติดต่อลูกค้าอื่นๆ รวมถึง สื่อสังคมออนไลน์
3. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
     โปรดทราบว่าท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น มีสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ตามรายละเอียดที่ปรากฏในเอกสารแนบ 1

4. การติดต่อบริษัท
      ท่านสามารถติดต่อแจ้งความประสงค์ของท่านต่อบริษัทเพื่อใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ที่ ศูนย์บริการ Call Center 1756


เอกสารแนบ 1
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังต่อไปนี้
1. สิทธิในการขอถอนความยินยอม
     ในกรณีที่บริษัทมีการขอและได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อประโยชน์ในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการแจ้งขอถอนความยินยอมในการให้บริษัทใช้ข้อมูลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ
2. สิทธิในการขอเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจัดเก็บไว้
     เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้จัดเก็บไว้ได้ ทั้งนี้โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
3. สิทธิในการขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับจากแหล่งอื่น
     ในกรณีที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่นซึ่งไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง หากบริษัทจะใช้ข้อมูลดังกล่าวบริษัทจะดำเนินการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว (เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายยกเว้นให้ไม่ต้องแจ้ง) ในกรณีนี้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถสอบถามและขอให้บริษัทเปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
4. สิทธิในการขอรับ และขอให้บริษัทโอนย้าย หรือส่งต่อข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
     ในกรณีที่บริษัทมีการปรับให้ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้โดยอุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถส่งต่อได้โดยวิธีการอัตโนมัติ การโอนย้ายหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อนี้ หมายถึงกรณีที่ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกจัดเก็บอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการส่งต่อนั้นสามารถทำได้ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ไม่รวมถึงการให้บริษัทเป็นผู้นำส่ง หรือจัดส่งข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอื่น
5. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
     เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ในกรณีต่อไปนี้
               (1) หากการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นการเก็บรวบรวมได้โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมเนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือ
               (2) กรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
6. สิทธิในการขอให้บริษัททำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเคยได้ให้ไว้กับบริษัทกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถใช้ระบุตัวตนได้
     เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งให้บริษัททำลายข้อมูลส่วนบุคคลของตน และ/หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนได้ให้ไว้กลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
               (1) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามวัตถุประสงค์
               (2) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
               (3) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล และบริษัทไม่มีเหตุผลที่จะใช้ปฏิเสธคำขอได้ หรือ
               (4) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
7. สิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
     เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้ทันที ในกรณีดังต่อไปนี้
               (1) เมื่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในระหว่างการตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน หรือปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลนั้นให้เป็นข้อมูลปัจจุบันตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
               (2) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอาจถูกลบ หรือทำลายได้ แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแจ้งขอให้ระงับการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แทนการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
               (3) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นแล้ว แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ
               (4) เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการพิจารณาการใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
8. สิทธิในการขอให้บริษัทปรับปรุงข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ และเป็นข้อมูลที่ตรงตามสภาพปัจจุบัน
     ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ไว้กับบริษัท หรือที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งให้บริษัทดำเนินการแก้ไข ปรับปรุงข้อมูลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ
9. สิทธิในการร้องเรียนในกรณีที่พบว่ามีการฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
     ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพบว่าบริษัท และ/ หรือลูกจ้างของบริษัทมีการดำเนินการใดๆ ที่ฝ่าฝืนหรือไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องนั้นมายังบริษัท และ/หรือ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้ ตามที่รายละเอียดที่ปรากฏใน ข้อ 4 ของหนังสือฉบับนี้

               อนึ่ง โปรดทราบว่าเมื่อบริษัทได้รับแจ้งความประสงค์ในการใช้สิทธิใดๆจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะพิจารณาคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไปทั้งนี้ภายในไม่เกิน [30 วัน] นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว ทั้งนี้บริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หากเป็นกรณีที่การใช้สิทธินั้นไม่เป็นไปตามข้อกำหนดตามกฎหมาย หรือหากบริษัทมีความจำเป็นและสิทธิตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำขอดังกล่าวได้

 

Powered by C Payment Solution Co., Ltd.